ดอยหลวงเชียงดาว จุดหมายปลายทางของนักเดินทางสายลุย

TAG : เชียงดาว พักเชียงดาว ดอยหลวงเชียงดาว ขึ้นดอยหลวงเชียงดาว เที่ยวไหนกันวันศุกร์ เที่ยวเชียงใหม่

จริงๆเคยขับรถผ่านดอยหลวงเชียงดาวอยู่หลายครั้งเหมือนกันค่ะ และบอกกับตัวเองว่า เดี๋ยวจะต้องไปเดินให้ได้เลย เพราะแบบชอบอะไรลุยๆอยู่แล้ว ชอบธรรมชาติ อากาศสดชื่นๆ บวกกับช่วงเดือนตุลาคมก็มีเพื่อนในกลุ่มมาชวน ก็ตอบตกลงเลย กว่าจะจองขึ้นไปได้ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ต้องโทรจองกับศูนย์รักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ซึ่งจะเปิดให้โทรจองแค่ 15 วันต่อปี ช่วงเดือนตุลาคม. และจะเปิดให้ขึ้นประมานแค่ 4 เดือนต่อปีเอง และกว่าจะโทรจองติด ก็กดเป็นสามสิบสายเลย ช่วยกันทุกคนในกลุ่ม 555 ต้องมีการจองลูกหาบ กับรถที่จะต้องไปส่งจุดเริ่มต้นเดินด้วยนะ พอจองวันได้ก็เตรียมตัวเลยจ้า บวกกับเตรียมร่างกายนิดหน่อย เพราะไปอ่านรีวิวมาว่าต้องเดินเยอะเลย พอวันเดินทางมาถึง เสื้อผ้าพร้อม อาหารพร้อม ที่นอน เต๊นท์พร้อม อุปกรณ์อะไรพร้อม ก็เดินทางไปเชียงดาวเลย

ออกเดินทางจากเชียงใหม่ประมาณ 7. น. ไปถึงเกือบ 9.00น. แล้ว ทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย ก็ติดต่อกับศูนย์รักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จ่ายค่าอุทยาน และค่าขยะ(มัดจำ 1000 บาท ต้องเก็บขยะมาทิ้งข้างล่างจะได้เงินคืน) พร้อมออกเดินทางไปจุดเริ่มเดิน ซึ่งมี 2 ทาง ทางแรกค่ารถ 1200 บาท เดินทางไป 45 นาทีถึงจุดสตาร์ทเดิน ระยะทางเดิน 6.5 กม. ก็ถึงยอดดอยหลวง แต่ทางชันมาก ไม่แนะนำนะ เพราะยังไงตอนลงเขาก็บังคับให้ลงทางนี่เพราะใกล้กว่า เร็วด้วย ส่วนทางที่สอง ค่ารถ 1800 บ. ระยะทางเดิน 8.5 กม ขึ้นรถไปจุดสตาร์ทเดินป่า2 ชม. แต่ทางไม่ชันมาก เดินได้เรื่อยๆ พวกเราเลือกทางที่สองนะ อิอิ ??

ส่วนลูกหาบเราจ้าง 1 คน วันละ 500 ( เดินทาง 2 วัน =1000 บ. )1คนแบกได้ 20 กก. หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปจุด start เดิน. เราไปถึงเป็นกลุ่มสุดท้ายเลย 5555 ระหว่างทางสวนทางกับใครก็จะมีแต่คนบอก โชคดีนะน้อง(ใจเต้นเบาๆ 5555) เราแวะทางข้าวก่อน เริ่มเดิน ทางเดินแรกๆก็สบายๆเรื่อยๆ แต่เหนื่อยหอบเลย 5555 ส่วนพี่ลูกหาบเดินสบายมาก ตัวปลิวเหมือนไม่ได้หาบอะไรเลยจ้า

ระหว่างทางก็มีอะไรสวยๆตลอดทาง แต่จับกล้องมาถ่ายได้ยาก เพราะเหนื่อย แล้บางจุดก็ลื่น เป็นเหวนิดนึง แต่มีความสวยงามในแบบของมัน ระหว่างทางเราเจอผู้คนตลอด ก็ทักทายกันไป เดินได้สอง ชม.ก็พักหลังจากนั้นก็เดินเรื่อยๆมีพักบ้าง และส่วน 2 กม. หลังๆเป็นทางชันเลยทีเดียว ต้องค่อยๆ เดินกัน กว่าจะถึงก็ใช้เวลา 4 ชม. (16.00น. )

ไปถึงจุดกลางเต้นท์ พี่ลูกหาบก็ใจดีมากเลย ช่วยกลางเต้นท์ ช่วยดูแลอย่างดีเลย เราพักประมาณครึ่งชม. พี่ลูกหาบก็พาเราไปจุดสูงสุดของดอยหลวง เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตก เราใช้เวลาประมาน 30 นาทีก็เดินถึง ทางชันและเป็นหินสลับกะน แอบเสียวนิดๆ 555555 พอถึงคือหายเหนื่อยเลย สวยมากจริงๆ เห็นวิว 360 องศาเลย บวกกับอากาศดีๆ สวยจนถ่ายรูปได้ไม่เท่าภาพที่ตาเห็นเลยค่ะ

จากนั้นก็นั่งรอพระอาทิตย์ตก พร้อมเก็บภาพด้วย พอพระอาทิตย์ตกไป ความหนาวพร้อมลมก็มาเยือน พี่ลูกหาบก็พาเดินลงไปที่พัก ใช้เวลาเร็วขึ้น 15 นาทีก็ถึงจุดกลางเต้นท์ อ่อ อย่าลืมเอาไฟฉายไปนะ มืดเร็วมาก เราก็มาทำอาหาร เพราะหิวมากจริงๆ อาหารมื้อนี้เป็นหมูจุ่มอุ่นๆ เพื่อระงับความหนาว กินข้าวไปดูดาวไป คือดีอ่ะ แต่หัวก็จะเปียกๆหน่อย เพราะน่ำค้างลงเยอะเลย พอกินอะไรเสร็จก็เข้าเต้นเลย เปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่อาบน้ำละกัน ไม่มีห้องน้ำ ใช้ทิชชูเปียกแทน แล้วก็มาพิงไฟอุ่นๆ ปิ้งมาชเมโลกัน สัก 4 ทุ่มก็พากันเข้าเต้นนอน เพราะหนาวมากแล้ว น้ำค้างก็ลงแรงด้วย

เราตื่นตอนตีสี่ครึ่ง หนาวมากก ประมาณ 7 องศาอ่ะ พี่ลูกหาบมาเรียก ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วลม คือต้องเดินไปประมานครึ่งชม. จากจุดกลางเต้น แต่คนละยอดดอยกับที่ดูพระอาทิตย์ตกเมื่อวาน ทางเดินก็ชันเหมือนกัน แต่ลื่นมาก พอไปถึง ก็นั่งรอให้พระอาทิตย์ขึ้น จริงๆรอบตัวคือสวยมาก เราก็เก็บรูปด้วย ต่อจากนั้นก็เดินต่อไปอีกนิด 10นาทีได้ ไปดูหน้าผา เพื่อดูทะเลหมอก มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะเหมือนกัน มีหน้าผา มีดอกไม้หายากหลายชนิดเลย พอดื่มด่ำกับอะไรๆ เสร็จพร้อมเก็บรูป เราก็เดินกลับไปที่เต้น ไปทำอาหารกัน มื้อนี้เป็นมาม่าง่ายดี กินเสร็จเราก้เตรียมตัว เก็บของ เดินทางกลับ

ทางลงก็ชันมีลื่นกันบ้าง สนุกๆ หัวเราะกันไป ใช้เวลาเดินก็3ชม. นิดๆ ก็ถึงจุดหมาย มีรถมารับกลับศูนย์รักษาพันธุ์สัตว์ พอถึงก็นำขยะมารับเงินมัดจำคืน ทำธุระส่วนตัวแล้วก็เดินทางกลับเชียงใหม่ จริงๆทริปนี่มันเหนื่อยแหละ แต่มันสนุกนะ ยิ่งได้ไปกับเพื่อนนะได้เห็นธรรมชาติที่ยังเหมือนกัน สัตว์ป่าพวกเลียงผา ดอกไม่หายากด้วย